ขอต้อนรับ...

เพื่อนๆเข้าสู่เว็บบล็อกของเรา โดยเว็บของเราจะให้ความรู้กับเพื่อนๆเกี่ยวระบบสารสนเทศทรัพยากรมนุษย์ และยังมีบทความต่างๆที่น่าสนใจมากมาย เชิญแวะเข้ามาชมได้นะคะ

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551

พ.ร.บ คอมพิวเตอร์


พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ.2550มีแนวปฏิบัติที่เกี่ยวกับผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตในส่วนของสิ่งต้องห้ามปฏิบัติดังนี้


1.การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ (มาตรา 5) เช่น การใช้โปรแกรมสปายแวร์ขโมยข้อมูลรหัสผ่านส่วนบุคคลของผู้อื่นเพื่อใช้บุกรุกเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของผู้นั้นโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


2.การล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงและนำไปเปิดเผยโดยมิชอบ (มาตรา 6) เช่น การใช้โปรแกรม Keystroke แอบบันทึกการกดรหัสผ่านของผู้อื่นแล้วนำไปโพสต์ในเว็บบอร์ดต่างๆเพื่อให้บุคคลที่สามใช้เป็นรหัสผ่านเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ที่เป็นเหยื่อ โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


3.การเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ (มาตรา 7) เช่น การกระทำใดๆเพื่อเข้าถึงแฟ้มข้อมูลที่เป็นความลับโดยไม่ได้รับอนุญาต ด้วยการแอบเจาะเข้าระบบรักษาความปลอดภัย (hack) ไปล้วงข้อมูลของเขาโดยเขาไม่อนุญาต โทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ


4.การดักข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ (มาตรา 8) หรือ การดักรับข้อมูลของผู้อื่นในระหว่างการส่ง เช่น การใช้โปรแกรมสนิฟเฟอร์แอบดักชุดข้อมูลที่อยู่ระหว่างการส่งไปให้ผู้รับ มีโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ


5.การรบกวนข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ (มาตรา 9 และ 10) เช่น การแอบส่งไวรัส หนอนอินเตอร์เน็ต หรือโทรจัน เข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น จนทำให้ข้อมูลหรือระบบของเขาเสียหาย โทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ


6.การส่งสแปมเมล์ (spam) หรืออีเมล์ขยะ (มาตรา 11) ความผิดตามข้อมูลนี้เพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อให้ครอบคลุมถึงการส่งสแปมเมล์ ซึ่งเป็นลักษณะการกระทำความผิดที่ใกล้เคียงกับมาตรา 10 และยังเป็นการทำความผิดโดยการใช้โปรแกรมหรือข้อความส่งไปให้เหยื่อจำนวนมากๆโดยปกปิดแหล่งที่มา เช่น ไอพีแอดเดรส (IP address) ซึ่งมักก่อให้เกิดความเสียหายต่อการใช้คอมพิวเตอร์ ยกตัวอย่างเช่น การโฆษณาขายสินค้าทางอีเมล์ ที่ชอบส่งซ้ำๆจนทำให้เขาเบื่อหน่ายรำคาญ มีโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท


7.การกระทำความผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ (มาตรา 12) การรบกวนหรือเจาะระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนหรือกระทบต่อความมั่นคงของประเทศความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจและการบริการสาธารณะ มีโทษหนักจำคุกไม่เกินสิบปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท


8.การจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งเพื่อใช้กระทำความผิด (มาตรา 13) เช่น การสร้างซอฟต์แวร์เพื่อช่วยให้ผู้ใดทำเรื่องที่เป็นความผิดในข้อข้างต้น โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


9.การปลอมแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือเผยแพร่เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและการรับผิดของผู้ให้บริการ (มาตรา 14 และมาตรา 15) สองมาตรานี้เป็นลักษณะที่เกิดจากการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เป็นเท็จหรือมีเนื้อหาไม่เหมาะสมในรูปแบบต่างๆ โดยมาตราที่ 14 กำหนดครอบคลุมถึงการปลอมแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือสร้างข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน หรือเป็นข้อมูลที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือก่อการร้าย รวมทั้งข้อมูลลามกอนาจาร และส่งต่อข้อมูลที่เป็นความผิดตามที่กล่าวไว้ข้างต้น เช่น การส่งภาพโป๊เปลือย ลามก หรือข้อความไม่เหมาะสมที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือข้อความที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ หรือข้อความใส่ร้าย กล่าวหาผู้อื่น ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การโพสต์ทางกระดานสนทนาและบล็อกต่างๆ มีโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในส่วนของมาตราที่ 15 มีการกำหนดโทษของผู้ให้บริการซึ่งหมายถึงบริษัทที่ยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามที่กล่าวข้างต้นต้องรับโทษด้วยเช่นกันหากไม่ระงับการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว


10.การเผยแพร่ภาพจากการตัดต่อหรือดัดแปลงให้ผู้อื่นถูกดูหมิ่น หรืออับอาย (มาตรา 16) เป็นการกำหนดฐานความผิดในเรื่องของการตัดต่อภาพของบุคคลอื่นที่อาจทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชังหรือได้รับความอับอาย โทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ความผิดตามมาตรานี้เหมือนกับความผิดฐานหมิ่นประมาทคือ ยอมความกันได้


11.การกระทำความผิดนอกราชอาณาจักรต้องรับโทษในราชอาณาจักร ข้อนี้เกี่ยวกับการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ หากมีการทำความผิดนอกประเทศ แต่ความเสียหายเกิดขึ้นในประเทศ หรือแม้ความเสียหายเกิดนอกประเทศ แต่ผู้กระทำความผิดเป็นคนไทย ถ้ามีผู้เสียหายร้องขอให้ลงโทษก็สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้และจะต้องรับโทษในราชอาณาจักร พ.ร.บ.ฉบับนี้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2550 และมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2550

ระบบ Recruit Model



Recruit Module การคัดเลือกและบรรจุแต่งตั้งDescription of HRM concept แนวคิดด้าน HRM ที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อย

1.ระบบคุณธรรม (Merit System)
หลักความสามารถหลักความสามารถ (Competence)
หลักความเสมอภาคในโอกาสหลักความเสมอภาคในโอกาส(Equality of Opportunity)
หลักความมั่นคงหลักความมั่นคง (Security of Tenure)หลักความเป็นกลาง (Neutrality)

2.การบริหารจัดการทุนมนุษย์ (Human Capital Management - HCM)
คือ การบริหารจัดการเพื่อสร้างคุณภาพและผลการปฏิบัติงานของบุคลากร ซึ่งเป็นการรวมกิจกรรมอย่างกว้างขวาง นับตั้งแต่การกำหนดและสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถดีที่สุด (talent) การรักษาบุคลากรการพัฒนาและจูงใจให้บุคลากรแสดงศักยภาพสูงสุดของตนเองได้ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทุนมนุษย์จำเป็นต้องมีแนวคิดที่สร้างสรรค์ มีแรงขับ ความกระตือรือร้น และให้ความสำคัญต่อการมุ่งสู่ความสำเร็จที่เป็นเลิศดังนั้น การบริหารทรัพยากรมนุษย์จึงเป็นการจัดการที่ผู้บริหารทุกระดับในองค์การจำเป็นต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในยุคนี้จึงเป็นภารกิจที่สำคัญของผู้บริหารทุกระดับที่ต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับนักทรัพยากรมนุษย์ในองค์การของตนเอง เพื่อวางแผนและดำเนินการเพื่อสร้างบุคลากรที่มีศักยภาพและสร้างผลผลิตสูงสุดให้กับองค์การ

Description of function
หน้าที่ของระบบย่อยหน้าที่ของระบบย่อยนี้เป็นระบบที่ช่วยให้การคัดเลือกและสรรหาบุคลากร ที่เหมาะสมกับองค์การให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ทุกขั้นตอนของการสรรหาไม่ว่าจะเป็นการขออนุมัติการสรรหา, การบันทึกข้อมูลใบสมัครหรือบันทึกผลสัมภาษณ์ จะสามารถทำได้ทาง Online และข้อมูลทั้งหมดจะถูกเชื่อมโยงต่อกัน และนอกจากนั้นเพื่อเป็นการลดเวลาในการทำงาน ระบบ ยังได้ออกแบบขึ้นเพื่อให้สามารถสมัครงานได้โดยผ่านทาง Internet และข้อมูลสามารถ Online มายังแฟ้มข้อมูลใบสมัครได้ทันที

รายงานที่ต้องการจากระบบ (report & output)
- คุณสมบัติของนักศึกษาที่ต้องการ- สรุปผลคะแนนสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์
- สรุปผลเกี่ยวกับผลสอบในแต่ละวิชา
- สรุปผลผู้สมัครที่จำแนกตาม เพศ อายุ การศึกษา เชื้อชาติ สัญชาติ
- สรุปผลกระบวนการในการคัดสรรข้อมูลที่ต้องการจัดเก็บใน Recruit module
- ข้อมูลเกี่ยวกับใบสมัคร และการพิมพ์แบบฟอร์มใบสมัครผ่านทางคอมพิวเตอร์
- ข้อมูลประวัติของผู้สมัครโดยละเอียด
- ข้อมูลหลักฐานประกอบใบสมัคร เช่น รูปถ่าย สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน หลักฐานการตรวจ สุขภาพ
- ข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติที่ต้องการของผู้สมัคร
- ข้อมูลคะแนนของผู้สมัครแต่ละคน

การเชื่อมโยงกับระบบย่อยอื่นๆ
1.Basic information module
ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานของนักศึกษา ข้อมูลจากใบสมัครจากผู้สมัครที่ผ่านเกณฑ์สามารถโอนเข้าระบบ Basic information ทันที
2.Paroll module
ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจเกี่ยวกับค่าจ้าง
3.Training module
ดูข้อมูลจากใบสมัครว่ามีความสามารถในด้านใด และดูผลการเรียนเพื่อนำไปออกแบบการฝึกอบรม
4.Human resource planning module
ช่วยในการวิเคราะห์ความต้องการในการเปิดรับนักศึกษา และพยากรณ์กำลังคนในอนาคต



วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ระบบ Traning Model


Training Moduleแนวคิดด้าน HRM ที่เกี่ยวข้องกับ Training Module
1. แนวคิด Competency Competency
เป็นพฤติกรรมที่แสดงออกของคนโดยสะท้อนถึง ความรู้ (Knowledge) ทักษะ ( Skill) และคุณลักษณะส่วนบุคคล ( Personal Characteristics/Attributes) : KSAs ซึ่งพฤติกรรมที่แสดงออกมานั้นต้องสามารถสังเกตเห็นได้ บรรยาย และตรวจสอบได้
2. แนวคิดองค์การแห่งการเรียนรู้องค์การแห่งการเรียนรู้
หมายถึง องค์การที่มีลักษณะเปรียบเหมือนสถาบันการเรียนรู้ซึ่งบุคลากรมีการเรียนรู้กันอย่างขว้างขวาง อย่างมีส่วนร่วม และต่อเนื่องเพื่อยกระดับศักยภาพ อันได้แก่ความรู้ ความสามารถ ความชำนาญของตน ทีมงาน และองค์การ และนำไปใช้ในการเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการทำงาน โดยมีการสนับสนุนจากองค์การด้วยการสนับสนุนเทคโนโลยี และเครื่องมือต่างๆเพื่อช่วยให้การเรียนรู้นั้นให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างให้องค์การประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์อย่างยั่งยืน
เอกสารที่จัดเก็บในฐานข้อมูล
1. ใบสมัครและผลการทดสอบคัดเลือก(ผลการสัมภาษณ์)
2. เอกสารคำบรรยายลักษณะเนื้อหาของแต่ละสาขาวิชา
3. ผลการสอบในแต่ละรายวิชาของนักศึกษา (รวมถึงรายละเอียดคำแนะนำจากอาจารย์ประจำวิชา)
4. แบบสำรวจความต้องการก้าวหน้าในเส้นทางอาชีพ (Career Path/Development)
ข้อมูลที่ต้องการจัดเก็บใน Training Module
1. ข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์การฝึกอบรมของนักศึกษา
2. ข้อมูลความต้องการหลักสูตรการฝึกอบรมของนักศึกษา
3. ผลประเมินการฝึกอบรม
4. ใบเสร็จค่าใช้จ่ายในการจัดฝึกอบรมแต่ละครั้ง
ความสัมพันธ์กับ Module อื่นๆ
1.Career module
โดย Training Module จะนำข้อมูลความต้องการก้าวหน้าในเส้นทางอาชีพมาจาก Career module เพื่อดูถึงความต้องการด้านการทำงานของนักศึกษา ว่านักศึกษาต้องการจะทำงานอะไรหลังจากที่จบการศึกษา และงานนั้นต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถในลักษณะใด แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาพิจารณาประกอบกับข้อมูลด้านผลการเรียนและข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์การฝึกอบรมของนักศึกษาเพื่อที่จะได้จัดหลักสูตรการฝึกอบรมที่เหมาะสมให้แก่นักศึกษา (โดยทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาข้อมูลความต้องการหลักสูตรการฝึกอบรมของนักศึกษามาประกอบด้วย)
2.Performance Management Module
โดย Training Module จะนำข้อมูลด้านผลการเรียนและการทำกิจกรรมของนักศึกษามาพิจารณาประกอบกับข้อมูลด้านอื่นๆ เพื่อจัดทำหลักสูตรการจัดฝึกอบรมให้แก่นักศึกษา (โดยอาจจัดฝึกอบรมให้แก่นักศึกษาในเรื่องที่นักศึกษาทำคะแนนสอบได้น้อย หรือไม่ถนัด เพื่อให้นักศึกษาเกิดความเชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ เพิ่มมากขึ้น)



อาหารเช้ากับการเรียน


คนส่วนใหญ่นิยมกินอาหารวันละ 3 มื้อ แต่บางคนอาจจะกินเพียงวันละ 2 มื้อ หรือมากกว่านี้ ในคนที่กินอาหารเพียง 2 มื้อ มักจะงดเว้นมื้อเช้า ด้วยเหตุผลต่างๆกัน เช่น ต้องตื่นแต่เช้าเร่งรีบไปเรียนหรือทำงาน ใช้เวลาในการเดินทางนาน ไม่มีเวลาพอ สำหรับการเตรียมอาหารเช้า และบางคนงดกินอาหารเช้าด้วยเหตุผลที่ต้องการลด น้ำหนัก การงดรับประทานอาหารมื้อเช้า จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม อาจทำให้ร่างกายได้รับ พลังงานและสารอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เนื่องจากกระเพาะ อาหารของคนเรามีขนาดความจุที่จำกัดสำหรับการกินอาหารแต่ละครั้งโดยเฉพาะ ในเด็กวัยเรียนซึ่งมีขนาดของกระเพาะอาหารเล็กกว่าผู้ใหญ่ ในขณะที่ความต้องการ พลังงานและสารอาหารต่อหน่วยน้ำหนักมากกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากเป็นวัยที่ยังมีการ เจริญเติบโต จึงจำเป็นต้องกินอาหารอย่างน้อย 3 มื้อ โดยปกติคนเราจะพักผ่อนด้วยการนอนหลับวันละประมาณ 8-12 ชั่วโมง ในช่วง เวลานี้การใช้สารอาหารต่างๆ จะยังดำเนินไปตลอดเวลา ปริมาณสารอาหารต่างๆ โดยเฉพาะระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลงหลังจากที่เราพักผ่อนนอนหลับ จึงจำเป็นต้อง กินอาหารเพื่อเพิ่มระดับสารอาหารในร่างกายให้อยู่ในสภาพปกติสำหรับการทำ กิจกรรมต่อไป การงดไม่กินอาหารเช้าในเด็กนักเรียน ระดับน้ำตาลในเลือดจะต่ำจึงพบว่า ในช่วงสายของวันเด็กจะรู้สึกหิว กระสับกระส่าย ไม่มีสมาธิในการเรียนขาดความฉับไว ในการคิดคำนวณหรือแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เกิดการผิดพลาดได้มากกว่า และผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนจะด้อยกว่าเด็กที่รับประทานอาหารเช้า ทั้งนี้เนื่องจาก สมองของคนเรา ต้องการน้ำตาลกลูโคสเพื่อไปหล่อเลี้ยง นอกจากนี้เด็กจะไม่มีกำลัง สำหรับการเล่นกีฬา หรือออกกำลังกายอีกด้วย อาหารเช้าจึงเป็นมื้อที่มีความสำคัญ ยิ่งสำหรับเด็กวัยเรียน และวัยรุ่น อาหารเช้าที่เหมาะสมควรประกอบด้วยอาหารที่มีโปรตีนสูงพอควรทั้งนี้เพื่อ คงสภาวะระดับน้ำตาลในเลือดของเด็กให้สูงอยู่เป็นเวลา ที่ยาวนาน จะทำให้เด็กมี ความสามารถในการเรียนรู้และประกอบกิจกรรม ที่ต้องใช้กำลังงานได้ดีขึ้น